เป็นครั้งแรกที่ จีน แซงหน้าพวกเขา สหรัฐอเมริกา และกลายเป็นประเทศที่มี "ยูนิคอร์น" มากที่สุด (ยูนิคอร์น) ในโลก.
Uนิคอร์นเรียกว่าผู้สำเร็จ หนุ่มสาว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคโนโลยี (สตาร์ทอัพ) ที่มีมูลค่าเกิน XNUMX พันล้านดอลลาร์และยังไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ประเทศจีนมีบริษัทดังกล่าว 206 แห่ง เทียบกับ 203 แห่งในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ทั้งสองประเทศมียูนิคอร์น 83% ทั่วโลกรวมกัน พวกเขาตามหลังอินเดีย 21 แห่ง อังกฤษ 13 แห่ง เยอรมนีและอิสราเอลมีบริษัทละเจ็ดแห่ง
รายงานประจำปีฉบับแรกของสถาบันวิจัย Hurun ของจีนในเซี่ยงไฮ้ (Hurun Global Unicorn List 2019) ซึ่งออกอากาศโดย AMPE ประมาณการว่ายูนิคอร์นที่มีมูลค่าสูงสุดในระดับสากลคือ บริษัท การเงินของจีน Ant Financial (150 พันล้านดอลลาร์) ในขณะที่อยู่ใน อันดับที่สองและสาม ได้แก่ Chinese ByteDance และ Didi Chuxing สิบอันดับแรกมีชื่อที่รู้จักกันดีในสหรัฐอเมริกา เช่น ชื่ออเมริกัน Airbnb (อันดับที่หก) และ Space X ของ Elon Musk (อันดับที่แปด)
สนามที่มีมากที่สุด เริ่มอัพ ที่มีค่ามากในโลกคือ อีคอมเมิร์ซ (68 บริษัท) รองลงมาคือกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech - 56 บริษัท), คลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud - 44 บริษัท), ปัญญาประดิษฐ์ (40) และซัพพลายเชน (โลจิสติกส์ - 34)
อายุเฉลี่ยของ "ยูนิคอร์น" คือเจ็ดปี ในขณะที่มูลค่ารวมของยูนิคอร์นที่รู้จักทั้งหมดในโลก (494 ใน 24 ประเทศ) อยู่ที่ประมาณ 1,7 ล้านล้านดอลลาร์ (มูลค่าเฉลี่ยของแต่ละบริษัท 3,4 พันล้านดอลลาร์) ปักกิ่งเป็นเมืองที่มี "ยูนิคอร์น" มากที่สุดในโลก (82) ตามด้วยซานฟรานซิสโก (55) ในฐานะภูมิภาค ซิลิคอนแวลลีย์ในแคลิฟอร์เนียยังคงถือคทากับบริษัทดังกล่าว 102 แห่ง (21% ของทั้งหมด)
ประสบความสำเร็จมากที่สุด บริษัทการลงทุน คือ Sequoia ที่ลงทุนใน "ยูนิคอร์น" 92 ตัว รองลงมาคือ Tencent (46) และ Softbank (42) 4% ของ "ยูนิคอร์น" ฟักออกมาจากบริษัทขนาดใหญ่อื่น ก่อนที่จะกลายเป็นอิสระและดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ Ant Financial อันดับ 1 ในมูลค่า "ยูนิคอร์น" มาจากอาลีบาบายักษ์ใหญ่ของจีน
[the_ad_group id =” 966″]